วันอาทิตย์ที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2559

บันทึกครั้งที่3 วันศุกร์ที่29 เดือน มกราคม พ.ศ. 2559


                                                                  บันทึกอนุทิน





 Knowledge

       ประเภทของเด็กที่มีความต้องการพิเศษ


แบ่งเป็น2 กลุ่มใหญ่ๆ คือ

1. กลุ่มเด็กที่มีลักษณะทางความสามารถสูง

2. กลุ่มเด็กที่มีลักษณะทางความบกพร่อง

    1.กลุ่มเด็กที่มีลักษณะทางความสามารถสูง  เรียกทั่วไปว่า เด็กปัญญษเลิศ มีIQ ตั้งแต่120 ขึ้นไป

ลักษณะของเด็กปัญญาเลิศ

  • มีความรู้ ใช้คำศัพท์เกินวัย
  • มีความคิดริเริ่ม มีวิธีการคิดและแนวคิดแปลกๆ
  • เป็นคนตื่นตัว เฉียบแหลม ว่องไวและช่างสังเกต
  • มีแรงจูงใจ และมีความมานะบากบั่นมีความจริงจังในการทำงาน
  • ชอบแสวงหาสิ่งท้าทายความคิดความอ่าน
เด็กฉลาดกับเด็กปัญญาเลิศ






          

บุคคลที่มีปัญญาเลิศ


                                   
2.กลุ่มเด็กที่มีลักษณะทางความบกพร่อง


1. เด็กที่มีความบกพร่องทางสติปัญญา(Children With Intellectual Disabilities)

หมายถึง เด็กที่มีระดับสติปัญญาหรือเชาว์ปัญญาต่ำกว่าเกณฑ์เฉลี่ยเมื่อเทียบกับเด็กวัยเดียวกัน

มี 2 กลุ่มคือ เด็กเรียนช้า และเด็กปัญญาอ่อน



เด็กปัญญาอ่อน
แบ่งตามระดับสติปัญญา(IQ) ได้4 กลุ่ม


ลักษณะของเด็กที่มีความบกพร่องทางสติปัญญา
  • พูดได้ไม่สมวัย
  • ช่วงความสนใจสั้น วอกแวก
  • ความคิดและอารมณ์เปลี่ยนแปลงง่าย
  • ทำงานช้า
  • รุนแรง ไม่มีเหตุผล
  • อวัยวะบางส่วนมีรูปร่างผิดปกติ
  • ช่วยตนเองได้น้อยกว่าเด็กในวัยเดียวกัน
2.เด็กที่มีความบกพร่องทางการได้ยิน
(Children With Hearing Impaired)



    หมายถึง เด็กที่มีความบกพร่องทางการได้ยินเป็นเหตุที่ทำให้การรับฟังเสียงต่างๆไม่ชัดเจน  มี2ประเภท คือ เด็กหูตึงและเด็กหูหนวก

เด็กหูตึง 

หมายถึง เด็กที่สูญเสียการได้ยิน แต่สามารถรับข้อมูลได้โดยใช้เครื่องช่วยฟัง

    

  • เด็กหูตึงระดับน้อย ได้ยินตั้งแต่ 26-40 dB
  • เด็กหูตึงระดับปานกลาง ได้ยินตั้งแต่ 41-55 dB
  • เด็กหูตึงระดับมาก ได้ยินตั้ง 56-70 dB
  • เด็กหูตึงระดับรุนแรงได้ยินตั้งแต่ 71-90 dB
  เด็กหูหนวก

  • เด็กที่สูญเสียการได้ยินมากถึงขนาดที่ทำให้หมดโอกาสที่จะเข้าใจภาษาพูดจากการได้ยิน
  • เครื่องช่วยฟังไม่สามารถช่วยได้
  • ไม่สามารถเข้าใจหรือใช้ภาษาพูดได้
  • ระดับการได้ยินตั้งแต่ 91 dbขึ้นไป


                       

3.เด็กที่บกพร่องทางการเห็น
 (Children With Visual Impairments)

  • เด็กที่มองไม่เห็นหรือพอเห็นแสง เห็นเรือนราง
  • มีความบกพร่องทางสายตาทั้ง2ข้าง
  • สามารถเห็นได้ไม่ถึง1/10ของคนสายตาปกติ
  • มีลานสายตากว้างไม่เกิน30 องศา
แบ่งเป็น 2 ประเภท คือเด็กตาบอด กับ เด็กที่ตาบอดไม่สนิท

เด็กตาบอด
  • เด็กที่ไม่สามารถมองเห็นได้เลย หรือมองเห็นบ้าง
  • ต้องใช้ประสาทอื่นในการเรียนรู้
  • มีสายตาข้างดีมองเห็นได้ในระยะ6/60 ,20/200 ลงมาจนถึงบอดสนิท
  • มีลานสายตาแคบกว่า5 องศา
เด็กตาบอดไม่สนิท
  • เด็กที่มีความบกพร่องทางสายตา
  • สามารถมองเห็นบ้างแต่ไม่เท่ากับเด็กปกติ
  • เมื่อทดสอบสายตา อยู่ในระดับ6/18,20/60.6/60.20/200 หรือน้อยกว่านั้น
  • มีลานสายตา ไม่เกิน 30 องศา




Apply

เด็กแต่ละคนมีพัฒนาการ  ความต้องการและความสามารถที่แตกต่างกันออกไป ครูควรจัดกิจกรรมให้เด็กโดยคำนึงถึงความสามารถและความต้องการของเด็กด้วย จะทำให้เด็กทำกิจกรรมได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีความสุขในการทำกิจกรรม




Assessment


 Classroom   บรรยากาศน่าเรียนสะอาดแอร์ไม่เย็นเกินไป พื้นที่ไม่เหมาะในการทำกิจกรรมและ


เทคโนโลยีไม่สามารถใช้ได้


 My Self     ตั้งใจเรียนแต่งกายเรียนร้อยมีความพร้อมที่จะเรียนและแสดงความคิดเห็น


Friends      ยิ้มแย้มแจ่มใส พูดเพราะ มีความพร้อมที่จะเรียนมีการจดบันทึก


Teacher      มีความพร้อมที่จะสอน มีเทคนิคการสอนสอนสนุกนักเรียนเข้าใจง่าย มีความเอาใจใส่

นักเรียนทุกคนพูดจาไพเราะและให้คำปรึกษาในเรื่องต่างๆ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น