บันทึกครั้งที่3 วันศุกร์ที่29 เดือน มกราคม พ.ศ. 2559
บันทึกอนุทิน
Knowledge
ประเภทของเด็กที่มีความต้องการพิเศษ
แบ่งเป็น2 กลุ่มใหญ่ๆ คือ
1. กลุ่มเด็กที่มีลักษณะทางความสามารถสูง
2. กลุ่มเด็กที่มีลักษณะทางความบกพร่อง
1.กลุ่มเด็กที่มีลักษณะทางความสามารถสูง เรียกทั่วไปว่า เด็กปัญญษเลิศ มีIQ ตั้งแต่120 ขึ้นไป
ลักษณะของเด็กปัญญาเลิศ
- มีความรู้ ใช้คำศัพท์เกินวัย
- มีความคิดริเริ่ม มีวิธีการคิดและแนวคิดแปลกๆ
- เป็นคนตื่นตัว เฉียบแหลม ว่องไวและช่างสังเกต
- มีแรงจูงใจ และมีความมานะบากบั่นมีความจริงจังในการทำงาน
- ชอบแสวงหาสิ่งท้าทายความคิดความอ่าน
เด็กฉลาดกับเด็กปัญญาเลิศ
บันทึกครั้งที่3 วันศุกร์ที่29 เดือน มกราคม พ.ศ. 2559
บันทึกอนุทิน
Knowledge
ประเภทของเด็กที่มีความต้องการพิเศษ
แบ่งเป็น2 กลุ่มใหญ่ๆ คือ
1. กลุ่มเด็กที่มีลักษณะทางความสามารถสูง
2. กลุ่มเด็กที่มีลักษณะทางความบกพร่อง
1.กลุ่มเด็กที่มีลักษณะทางความสามารถสูง เรียกทั่วไปว่า เด็กปัญญษเลิศ มีIQ ตั้งแต่120 ขึ้นไป
ลักษณะของเด็กปัญญาเลิศ
- มีความรู้ ใช้คำศัพท์เกินวัย
- มีความคิดริเริ่ม มีวิธีการคิดและแนวคิดแปลกๆ
- เป็นคนตื่นตัว เฉียบแหลม ว่องไวและช่างสังเกต
- มีแรงจูงใจ และมีความมานะบากบั่นมีความจริงจังในการทำงาน
- ชอบแสวงหาสิ่งท้าทายความคิดความอ่าน
เด็กฉลาดกับเด็กปัญญาเลิศ
2.กลุ่มเด็กที่มีลักษณะทางความบกพร่อง
1. เด็กที่มีความบกพร่องทางสติปัญญา(Children With Intellectual Disabilities)
หมายถึง เด็กที่มีระดับสติปัญญาหรือเชาว์ปัญญาต่ำกว่าเกณฑ์เฉลี่ยเมื่อเทียบกับเด็กวัยเดียวกัน
มี 2 กลุ่มคือ เด็กเรียนช้า และเด็กปัญญาอ่อน
เด็กปัญญาอ่อน
แบ่งตามระดับสติปัญญา(IQ) ได้4 กลุ่ม
ลักษณะของเด็กที่มีความบกพร่องทางสติปัญญา
- พูดได้ไม่สมวัย
- ช่วงความสนใจสั้น วอกแวก
- ความคิดและอารมณ์เปลี่ยนแปลงง่าย
- ทำงานช้า
- รุนแรง ไม่มีเหตุผล
- อวัยวะบางส่วนมีรูปร่างผิดปกติ
- ช่วยตนเองได้น้อยกว่าเด็กในวัยเดียวกัน
2.เด็กที่มีความบกพร่องทางการได้ยิน
(Children With Hearing Impaired)
หมายถึง เด็กที่มีความบกพร่องทางการได้ยินเป็นเหตุที่ทำให้การรับฟังเสียงต่างๆไม่ชัดเจน มี2ประเภท คือ เด็กหูตึงและเด็กหูหนวก
เด็กหูตึง
หมายถึง เด็กที่สูญเสียการได้ยิน แต่สามารถรับข้อมูลได้โดยใช้เครื่องช่วยฟัง
- เด็กหูตึงระดับน้อย ได้ยินตั้งแต่ 26-40 dB
- เด็กหูตึงระดับปานกลาง ได้ยินตั้งแต่ 41-55 dB
- เด็กหูตึงระดับมาก ได้ยินตั้ง 56-70 dB
- เด็กหูตึงระดับรุนแรงได้ยินตั้งแต่ 71-90 dB
เด็กหูหนวก
- เด็กที่สูญเสียการได้ยินมากถึงขนาดที่ทำให้หมดโอกาสที่จะเข้าใจภาษาพูดจากการได้ยิน
- เครื่องช่วยฟังไม่สามารถช่วยได้
- ไม่สามารถเข้าใจหรือใช้ภาษาพูดได้
- ระดับการได้ยินตั้งแต่ 91 dbขึ้นไป
3.เด็กที่บกพร่องทางการเห็น
(Children With Visual Impairments)
- เด็กที่มองไม่เห็นหรือพอเห็นแสง เห็นเรือนราง
- มีความบกพร่องทางสายตาทั้ง2ข้าง
- สามารถเห็นได้ไม่ถึง1/10ของคนสายตาปกติ
- มีลานสายตากว้างไม่เกิน30 องศา
แบ่งเป็น 2 ประเภท คือเด็กตาบอด กับ เด็กที่ตาบอดไม่สนิท
เด็กตาบอด
- เด็กที่ไม่สามารถมองเห็นได้เลย หรือมองเห็นบ้าง
- ต้องใช้ประสาทอื่นในการเรียนรู้
- มีสายตาข้างดีมองเห็นได้ในระยะ6/60 ,20/200 ลงมาจนถึงบอดสนิท
- มีลานสายตาแคบกว่า5 องศา
เด็กตาบอดไม่สนิท
- เด็กที่มีความบกพร่องทางสายตา
- สามารถมองเห็นบ้างแต่ไม่เท่ากับเด็กปกติ
- เมื่อทดสอบสายตา อยู่ในระดับ6/18,20/60.6/60.20/200 หรือน้อยกว่านั้น
- มีลานสายตา ไม่เกิน 30 องศา
Apply
เด็กแต่ละคนมีพัฒนาการ ความต้องการและความสามารถที่แตกต่างกันออกไป ครูควรจัดกิจกรรมให้เด็กโดยคำนึงถึงความสามารถและความต้องการของเด็กด้วย จะทำให้เด็กทำกิจกรรมได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีความสุขในการทำกิจกรรม
Assessment
Classroom บรรยากาศน่าเรียนสะอาดแอร์ไม่เย็นเกินไป พื้นที่ไม่เหมาะในการทำกิจกรรมและ
เทคโนโลยีไม่สามารถใช้ได้
My Self ตั้งใจเรียนแต่งกายเรียนร้อยมีความพร้อมที่จะเรียนและแสดงความคิดเห็น
Friends ยิ้มแย้มแจ่มใส พูดเพราะ มีความพร้อมที่จะเรียนมีการจดบันทึก
Teacher มีความพร้อมที่จะสอน มีเทคนิคการสอนสอนสนุกนักเรียนเข้าใจง่าย มีความเอาใจใส่
นักเรียนทุกคนพูดจาไพเราะและให้คำปรึกษาในเรื่องต่างๆ
นักเรียนทุกคนพูดจาไพเราะและให้คำปรึกษาในเรื่องต่างๆ